สุนัขเหล่านี้มีค่าตัวที่สูง ไม่ว่าจะเป็นเพราะความหายาก สายเลือดที่บริสุทธิ์ หรือค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่เหนือกว่าสุนัขทั่วไป
1. ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan Mastiff) 
ฉายา: ราชาแห่งสุนัข (King of Dogs)
สิ่งที่สะท้อนฐานะ: เป็นหนึ่งในสุนัขที่มี ราคาแพงที่สุดในโลก โดยเฉพาะสายพันธุ์แท้จากทิเบตที่มีบันทึกราคาซื้อขายสูงถึงหลักสิบล้านบาท การเลี้ยงสุนัขขนาดใหญ่และมีลักษณะโดดเด่นเช่นนี้ บ่งบอกถึง ความมั่งคั่งระดับสูง และการมีพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับการดูแล
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง: ราคาตัวเริ่มต้นสูงมาก, ค่าอาหารคุณภาพสูง, ค่าดูแลขนหนาแน่นเป็นพิเศษ
2. อาฟกัน ฮาวด์ (Afghan Hound) 
สิ่งที่สะท้อนฐานะ: รูปลักษณ์ที่ สง่างามและหรูหราอลังการ ด้วยขนยาวสลวยคล้ายนางแบบ สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการดูแลบำรุงขนอย่างดีเยี่ยมและสม่ำเสมอ ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายสูง การเลี้ยงอาฟกัน ฮาวด์จึงสะท้อนถึง รสนิยมชั้นสูง และความพร้อมในการดูแลความงามของสัตว์เลี้ยง
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง: ค่ากรูมมิ่ง (Grooming) และผลิตภัณฑ์บำรุงขนราคาแพง, ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพผิวหนัง
3. ซามอยด์ (Samoyed) 
ฉายา: สุนัขยิ้ม (Smiling Dog)
สิ่งที่สะท้อนฐานะ: แม้ราคาเริ่มต้นอาจไม่สูงเท่าทิเบตัน มาสทิฟฟ์ แต่ซามอยด์มีราคาตัวค่อนข้างสูง และเนื่องจากเป็นสุนัขเมืองหนาว การดูแลในสภาพอากาศร้อนของไทยต้องใช้ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศและดูแลสภาพแวดล้อม เป็นพิเศษ เพื่อให้สุนัขมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการจัดหาที่อยู่ระดับพรีเมียม
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง: ค่าไฟ/ค่าเครื่องปรับอากาศ, ค่าดูแลขนหนาและสีขาวให้สะอาดอยู่เสมอ
4. อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) 
สิ่งที่สะท้อนฐานะ: เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่และแข็งแรงที่มีราคาสูง การดูแลต้องมี พื้นที่กว้างขวาง สำหรับการวิ่งออกกำลังกาย และต้องมีงบประมาณสำหรับค่าอาหารจำนวนมาก ซึ่งการจัดหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปริมาณอาหารที่เพียงพอให้สุนัขขนาดใหญ่นี้ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นสิ่งที่แสดงถึง ความพร้อมทางการเงิน ของเจ้าของ
การมีสุนัขพันธุ์แพงเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แฟชั่น แต่ยังเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงใช้แสดงออกถึงความสำเร็จในชีวิต “หมาไฮโซ” จึงเป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยง แต่คือ การลงทุนในภาพลักษณ์ และความภาคภูมิใจของผู้เป็นเจ้าของนั่นเอง
สุนัขพันธุ์ที่เลี้ยงแล้วรวย! เสริมดวงโชคลาภและการเงินให้เจ้าของ!