06 พ.ย. 68 (19:13 น. 5 เคล็ดลับดื่มน้ำมะนาวให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อการดูแลผิว เผาผลาญไขมัน และ “ล้างพิษ” ตับและไต
มีคนดื่มน้ำมะนาวบ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นประโยชน์เท่ากับคนอื่น ๆ เป็นไปได้มากว่าพวกเขาไม่รู้วิธีใช้ 5 เคล็ดลับนี้
น้ำมะนาวเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเพราะความเรียบง่าย สะดวก และอุดมไปด้วยวิตามินซีและกรดซิตริก ตั้งแต่ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ทำให้ผิวกระจ่างใส ไปจนถึงการล้างพิษตับและไต… น้ำมะนาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายนับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่รู้เคล็ดลับนี้ คุณอาจสูญเสียสารอาหารสำคัญไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงหรือเป็นอันตรายต่อร่างกาย ผู้เชี่ยวชาญได้สรุปเคล็ดลับ 5 ข้อต่อไปนี้ เพื่อช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากน้ำมะนาวหนึ่งแก้วที่คุณดื่มทุกวัน จนกลายเป็น “ยาวิเศษ” อย่างแท้จริง:
1.อย่าใช้น้ำที่ร้อนเกินไป
สิ่งสำคัญที่สุดในการทำน้ำมะนาวคืออุณหภูมิ เพราะอุณหภูมิมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของน้ำมะนาว เคล็ดลับคือใช้น้ำอุณหภูมิต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียสเท่านั้น และไม่ควรใช้น้ำเย็น
นี่คือ “อุณหภูมิสีทอง” ที่ช่วยรักษาวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังและเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ร่างกายใช้ในการสังเคราะห์คอลลาเจน หากน้ำร้อนเกินไป วิตามินซีจะถูกทำลาย ซึ่งหมายความว่าความสามารถในการบำรุงผิว ป้องกันริ้วรอย และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันจะลดลงอย่างมาก การรักษาระดับวิตามินซีให้คงอยู่ หมายถึงการรักษาความสามารถในการล้างพิษและเสริมสร้างความงามจากภายใน
2. ใช้เปลือกมะนาวทั้งลูกในการทำน้ำมะนาว
การเจือจางไม่เพียงแต่ช่วยให้ดื่มได้ง่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์ในการปลดปล่อยสารประกอบที่มีประโยชน์อีกด้วย อัตราส่วนทองคำที่แนะนำคือ ผสมน้ำมะนาว 1 ลูกกับน้ำ 500 มล. ต่อ 1,200 มล. โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรใช้เปลือกมะนาวในการทำน้ำมะนาว
เปลือกมะนาวมีสารฟลาโวนอยด์และลิโมนอยด์ที่ช่วยเพิ่มเอนไซม์ล้างพิษในตับ เคล็ดลับ: คุณสามารถแช่เปลือกมะนาวทั้งเปลือกในน้ำอุ่น (ต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียส) เพื่อใช้ประโยชน์จากประโยชน์นี้ ซึ่งส่งเสริมกระบวนการล้างพิษของตับและไต การเจือจางที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ได้ดีโดยไม่ระคายเคืองต่อระบบย่อยอาหาร
3. เลือกวัสดุให้เหมาะสมกับถ้วยที่ใช้ทำน้ำมะนาว
นี่เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการล้างพิษของร่างกาย เคล็ดลับคืออย่าใช้ขวดหรือแก้วพลาสติกในการทำน้ำมะนาวโดยเด็ดขาด ควรใช้แก้วหรือเซรามิกเป็นหลัก
กรดซิตริกในมะนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผสมกับน้ำอุ่น มีคุณสมบัติในการละลายสารพลาสติไซเซอร์ (เช่น BPA และ Phthalates) จากพลาสติก เมื่อสารพิษเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย ตับและไตจะต้องทำงานหนักในการกำจัดสารพิษเหล่านี้ ส่งผลให้กระบวนการล้างพิษมีภาระมากขึ้น การใช้แก้วจะช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ ช่วยปกป้อง “โรงงาน” ล้างพิษของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. อย่าดื่มน้ำมะนาวขณะท้องว่าง
นี่คือหลักการสำคัญที่สุดในการปกป้องระบบย่อยอาหารและเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมัน เคล็ดลับคืออย่าดื่มน้ำมะนาวเข้มข้นไม่หวานขณะท้องว่าง และควบคุมปริมาณน้ำมะนาวสูงสุดต่อวัน (ประมาณ 1 ลูก)
การดื่มน้ำมะนาวขณะท้องว่างอาจส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหารได้ง่าย นำไปสู่ปัญหาการย่อยอาหารที่ลดความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร (ส่งผลต่อการดูแลผิวและการล้างพิษ) เพื่อส่งเสริมการเผาผลาญไขมันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆ ในตอนเช้าหลังอาหาร หรือประมาณ 30 นาทีหลังอาหาร ควรรับประทานอาหารที่มีรสเค็มน้อย หวานน้อย และย่อยง่ายเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญโดยไม่ทำลายเยื่อบุผิว
5. ใช้หลอดดูดน้ำเพื่อปกป้องฟันของคุณ
ความเป็นกรดของมะนาวเป็นอันตรายต่อเคลือบฟัน เคล็ดลับที่ง่ายและได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำมะนาวผ่านหลอดทุกครั้ง และบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลังดื่ม
อาจดูเหมือนว่าเป็นเรื่องของฟันของคุณเท่านั้น แต่นี่คือเคล็ดลับในการรักษานิสัยดื่มน้ำมะนาวให้ยาวนาน หากฟันของคุณสึกกร่อนและบอบบาง คุณจะไม่สามารถดื่มน้ำมะนาวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าร่างกายของคุณจะสูญเสียน้ำและวิตามินซี ซึ่งเป็นสององค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเผาผลาญไขมัน (น้ำช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ) และบำรุงผิว (วิตามินซีช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน)